การบันทึกสุขภาพปลาในฟาร์ม
สำหรับการตรวจประเมินสภาวะสุขภาพในฟาร์ม นอกจากจะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจตามที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วในบทความครั้งก่อนหน้านี้ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเหมือนกันที่ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำต้องคำนึงถึง คือ เรื่องของประวัติ อาการที่พบ และการบันทึกสุขภาพปลาในฟาร์ม การบันทึกสุขภาพปลาในฟาร์มจะเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะกรณีที่เกิดปัญหาสุขภาพขึ้นในฟาร์ม เมื่อเกิดโรคระบาดในฟาร์มนอกจากจะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจแล้ว จำเป็นจะต้องรวบรวมข้อมูลประวัติต่างๆ ทั้งประวัติการเลี้ยง การจัดการ และประวัติสุขภาพเพื่อให้ห้องปฏิบัติการ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพใช้เป็นข้อมูลพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการดำเนินการรักษา ควบคุม และป้องกันโรคต่อไป นอกจากนี้ หากมีสัตวแพทย์หรือนักวิชาการประมง หรือเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมโรคระบาดสัตว์ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เข้ามาสืบสวนโรคที่เกิดขึ้นในฟาร์ม จะต้องมีการซักประวัติ (History taking) ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การบันทึกสุขภาพปลาในฟาร์มจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจาก การซักประวัติเป็นขั้นตอนที่จะต้องทำในตอนเริ่มต้นของการสืบสวนโรคและตรวจวินิจฉัยโรค เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุดก่อนที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ของสาเหตุการเกิดโรค ใช้ประกอบกับการวินิจฉัยโรคโดยพิจารณาร่วมกับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และยังช่วยในการพิจารณา ตัดสินใจจัดลำดับความสำคัญของการจัดการในรูปแบบต่างๆ เพื่อแก้ไข ลด กำจัด หรือควบคุมปัญหาโรคในฟาร์ม การเก็บบันทึกประวัติหรือซักประวัติควรมีข้อมูลที่เกี่ยวกับการเลี้ยงและสุขภาพของสัตว์น้ำให้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น - ข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของปลาที่เลี้ยง ลักษณะการเลี้ยง เป็นการเลี้ยงชนิดเดียวหรือร่วมกับปลา หรือสัตว์น้ำชนิดอื่น - ประเภทบ่อเลี้ยง เช่น บ่อดิน กระชัง บ่อปูน - ความหนาแน่นของปลาที่เลี้ยง - ชนิดของปลาที่ป่วย - อายุ /ขนาด /ระยะเวลาที่เลี้ยงปลา - ปริมาณของปลาที่แสดงอาการป่วย อัตราการตาย - การจัดการต่างๆ ที่สำคัญต่อสุขภาพปลา เช่น การให้อาหาร การเปลี่ยนถ่ายน้ำ การตรวจคุณภาพน้ำ - ชนิดของระบบการเลี้ยง เลี้ยงแบบปิด หรือเปิด - อาการ ความผิดปกติที่พบ เช่น ว่ายลอยหัว กินอาหารลดลง - การจัดการฟาร์มที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติในช่วงที่พบปัญหา เช่น การนำปลาชุดใหม่เข้ามาในระบบการเลี้ยง - ประวัติการจัดการรักษาก่อนหน้า
ข้อมูลที่รวบรวมจากบันทึกหรือการซักประวัติ จะช่วยให้เกษตรกรผู้เลี้ยง สัตวแพทย์ นักวิชาการประมงหรือเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่สามารถใช้ประเมินเบื้องต้นได้ว่าปัญหาที่พบในฟาร์ม มีลักษณะเป็นปัญหาแบบเรื้อรัง (chronic) หรือเฉียบพลัน (acute) กรณีที่เป็นปัญหาเรื้อรังจะสังเกตพบว่าปลามักแสดงอาการป่วยอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หรือบางครั้งอาจนานหลายสัปดาห์ ยกตัวอย่างอาการที่ควรสังเกตและบันทึกและแจ้งเมื่อถูกซักประวัติ เช่น กินอาหารลดลง ว่ายน้ำผิดปกติ ผอม สีของลำตัวที่เปลี่ยนแปลงไป ปริมาณเมือกที่เกาะตามลำตัว ขนาดปลาที่แตกต่างกัน ซึ่งบ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพที่แตกต่างกันของปลาในฝูงเดียวกัน สำหรับกรณีที่เป็นปัญหาเฉียบพลันมักพบความสูญเสียแบบฉับพลัน มีการป่วยหรือตายภายใน 2-3 วัน ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอ หรือได้รับสารพิษ ดังนั้น ผู้เลี้ยงหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านสุขภาพของปลาควรหมั่นสังเกตลักษณะ พฤติกรรมของปลาที่เลี้ยง และจดบันทึกประวัติ ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับสุขภาพปลาไว้เพื่อประโยชน์ในการจัดการสุขภาพปลากรณีพบโรคในฟาร์ม หรือยังสามารถนำมาใช้เฝ้าระวังสภาวะสุขภาพของปลาในฟาร์มได้ต่อไปอีกด้วย สัตวแพทย์หญิง ดร.มินตรา ลักขณา (หมอเม)
|