การตรวจตัวอย่างปลาเบื้องต้นในฟาร์ม: การตัดซี่เหงือก
ยังติดค้างกันอยู่อีกหนึ่งวิธีสำหรับการตรวจตัวอย่างปลาเบื้องต้นในฟาร์มเพื่อวินิจฉัยโรคติดปรสิตภายนอก ที่เขียนให้อ่านกันไปแล้วก็มีเรื่องของการขูดผิวหนังและตัดครีบ อีกวิธีที่เหลือนั้นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นั่นคือ วิธีการตัดซี่เหงือก (gill biopsy) นั่นเอง อ่านแบบนี้แล้วบางท่านจะคิดว่ามันน่ากลัว ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นวิธีที่ค่อนข้างน่ากลัวและทำอันตรายต่อตัวปลาพอสมควร ดังนั้น ส่วนใหญ่เราจะไม่ใช้วิธีนี้ในการตรวจปลาสวยงามตามคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ หรือปลาที่เลี้ยงไว้ดูเล่นสวยงานในบ้านกัน แต่มักจะใช้วิธีนี้กับปลาที่เลี้ยงในฟาร์มมากกว่า วิธีการตัดซี่เหงือกนี้ เป็นวิธีที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคได้หลายกรณีโดยจะนำเนื้อเยื่อเหงือกที่ตัดมาตรวจดูสิ่งผิดปกติ ปรสิตภายนอกหรือสิ่งแปลกปลอมมาส่องภายใต้กล้องจุลทรรศน์ มีปรสิตภายนอกหลายชนิดที่สามารถพบได้บริเวณผิวหนัง และสามารถพบได้ที่บริเวณซี่เหงือกเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างและสภาพของเหงือกด้วย อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าวิธีนี้ค่อนข้างน่ากลัวและทำให้เกิดอันตรายต่อตัวปลา และเมื่อตรวจเสร็จปลาอาจไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ดังนั้นบ่อยครั้งที่มักจะใช้วิธีตรวจนี้กับปลาที่ถูกทำการุณยฆาต/ปราณีฆาตแล้ว หรือปลาที่เพิ่งตายใหม่ๆ ก่อนที่จะเริ่มต้นการตัดซี่เหงือกผู้ตรวจจะต้องสังเกตลักษณะภายนอกตั้งแต่แผ่นปิดเหงือก (operculum) ว่ามีความผิดปกติอย่างไร จากนั้นเปิดแผ่นปิดเหงือกเพื่อตรวจดูลักษณะ สภาพภายนอกที่พบ ซี่เหงือก การเรียงตัว สีของเหงือก โดยปกติเหงือกปลาควรมีสีแดงสด ไม่ซีดจาง ไม่เป็นสีแทน สีน้ำตาล ลักษณะเหงือกที่มีสีซีดจางอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปลามีภาวะเลือดจางเกิดขึ้น หากพบสีน้ำตาลหรือสีแทนอาจมีสาเหตุจากการที่ปลาขาดก๊าซออกซิเจน ออกซิเจนไม่เพียงพอสำหรับระบบการไหลเวียนของเลือด การสังเกตสีของเหงือกที่เปลี่ยนแปลงไปมีข้อควรระวังและต้องคำนึงถึงด้วยโดยเฉพาะกรณีที่ผู้ตรวจไม่ได้เป็นผู้ที่ทำการุณยฆาต/ปราณีฆาตปลาเอง แต่เป็นการรับตัวอย่างปลาที่ตายแล้วมาตรวจ จำเป็นจะต้องซักประวัติข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเก็บตัวอย่าง วิธีที่ทำให้ปลาตาย เนื่องจากภายหลังจากที่ปลาตายจะมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งมีผลต่อสีของเหงือกได้เกิดขึ้น เหงือกปลาที่มีสีซีดนั้นอาจเกิดจากกรณีของภาวะเลือดไหลย้อนกลับได้ในปลาที่ตายแล้ว การตัดซี่เหงือกเพื่อนำมาตรวจ โดยหลักการของวิธีทำนั้นมีความคล้ายคลึงกับการตัดครีบเพื่อตรวจ โดยผู้ตรวจจะใช้กรรไกรปลายแหลม สอดเข้าไปใต้แผ่นปิดเหงือก ให้ปลายกรรไกรอยู่ในช่องเหงือก ดันเปิดแผ่นเหงือกออก ให้สามารถมองเห็นซี่เหงือกได้ จากนั้นสังเกตลักษณะของซี่เหงือกและกระดูกเหงือก สอดปลายกรรไกรไประหว่างซี่เหงือก ตัดส่วนปลายของซี่เหงือกนำมาวางลงบนสไลด์ที่หยดน้ำหรือน้ำเกลือที่เตรียมไว้แล้ว จากนั้นจึงนำแผ่นปิดสไลด์ มาปิดบนตัวอย่างซี่เหงือก กดเบาๆ ให้ตัวอย่างซี่เหงือกแผ่ออก แล้วนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ทันที การตรวจโดยทั่วไปจะไม่ตัดกระดูกเหงือกเพราะส่วนของกระดูกอ่อนจะมีความหนา ทำให้มีผลต่อการส่องตรวจได้
ความผิดปกติที่พบได้จากตัวอย่างซี่เหงือกที่ตัดออกมานั้น มีอยู่หลายแบบ เช่น บางครั้งอาจพบเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวบวมโตขึ้นมา หรือมีการเจริญของซี่เหงือกหรือเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวเพิ่มขึ้นมาได้ ความหนาตัวของเซลล์เยื่อบุผิวนี้มีผลทำให้ช่องว่างระหว่างซี่เหงือก แขนงต่างๆ ลดลง และมีผลต่อประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนของเหงือกลดลง บางครั้งสามารถพบปรสิตภายนอก รวมทั้งเชื้อราเกาะอยู่ที่เหงือกได้ซึ่งมีผลต่อการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและมีผลต่อสุขภาวะโดยรวมของปลาเช่นเดียวกัน วิธีการตัดซี่เหงือกเพื่อตรวจนี้เป็นวิธีผู้ตรวจมีโอกาสพบสิ่งผิดปกติและปรสิตภายนอกในปลาป่วยได้มากกว่าวิธีการขูดผิวหนังหรือวิธีตัดครีบ แต่ในบางครั้งหากตรวจปลาปกติที่แข็งแรงอาจพบปรสิตในบริเวณผิวหนัง แต่ไม่พบที่ซี่เหงือกเนื่องจากปลาสุขภาพปกติ แข็งแรง ปรสิตภายนอกจึงไม่สามารถเข้ามาสู่ตัวปลาได้ ดังนั้น การตรวจตัวอย่างปลาเบื้องต้นในฟาร์มจำเป็นต้องพิจารณาการใช้วิธีตรวจหลายๆ วิธีร่วมกันเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคและประเมินสภาวะสุขภาพสัตว์ในฟาร์ม สัตวแพทย์หญิง ดร.มินตรา ลักขณา (หมอเม)
|