ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในระดับต่างๆ
จากครั้งก่อนก็ได้ทราบกันแล้วว่าโรคอุบัติใหม่ โรคระบาดเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่สำคัญต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในทุกระดับได้ เริ่มตั้งแต่เกษตรกรรายเล็ก ผู้ประกอบการขนาดกลาง บริษัทขนาดใหญ่จนถึงเศรษฐกิจของประเทศ โรคระบาดหลายๆ โรคที่เกิดขึ้นมีผลกระทบเกิดขึ้นมาหลากหลาย อาจมีตั้งแต่พบการตายอย่างรุนแรงและเฉียบพลันจนถึงการตายแบบเรื้อรังไปเรื่อยๆ ในฟาร์มไม่หยุด หรือทำให้สัตว์น้ำเจริญเติบโตช้า ความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ biosecurity เป็นระบบหนึ่งที่ผู้เลี้ยงสัตว์นำมาใช้เพื่อป้องกันและจัดการโรค มีหลายหน่วยงานให้นิยามของคำนี้ไว้ด้วย เช่น องค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) ให้นิยามไว้ว่า biosecurity หมายถึง ชุดของการจัดการและมาตรการทางกายภาพที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการนำเข้าเชื้อก่อโรค การเกิดขึ้นของเชื้อก่อโรค และการแพร่กระจายของเชื้อก่อโรคภายในฝูงสัตว์น้ำ สำหรับ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ให้ความหมายว่าเป็นวิธีการเชิงกลยุทธ์ แบบบูรณาการที่ครอบคลุมไปถึงนโยบายและกรอบการกำกับดูแล (รวมถึงเครื่องมือและกิจกรรม) สำหรับการวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ มนุษย์ สัตว์ สุขอนามัยพืช และสุขภาพ รวมทั้งความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการจัดการขั้นสูงเพื่อพัฒนาให้เกิดความปลอดภัยทางชีวภาพของสัตว์น้ำนั้น เป็นการจัดการความเสี่ยงเชื้อที่ก่อโรคในสัตว์น้ำผ่านกลยุทธ์ แผนการจัดการและมาตรการตั้งแต่ระดับฟาร์ม ระดับบริษัท ระดับประเทศและระหว่างประเทศโดยอาศัยความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ถ้าลองยกตัวอย่างแผนการจัดการและมาตรการจะเห็นว่า - ระดับระหว่างประเทศ มีการกำหนดมาตรฐาน ข้อตกลง แนวปฏิบัติที่เป็นสากลจากหน่วยงานระดับระหว่างประเทศ เช่น OIE, FAO, NACA (องค์การข่ายงานศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งชาติและแปซิฟิกหรือ Network of Aquaculture Centres in Asia-Pacific) โดยควบคุมการนำเข้าสัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำทั้งแบบแช่แข็งและแปรรูป การจัดการน้ำในการขนส่ง เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของเชื้อก่อโรคซึ่งเกิดขึ้นผ่านทางการค้าสัตว์น้ำระหว่างประเทศ ทำให้มีการรักษาสถานะปลอดโรค หรือสถานะสุขภาพของสัตว์ในภาพรวมระดับระหว่างประเทศ ภูมิภาค - ระดับชาติ มีการกำหนดกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศและสามารถปฏิบัติได้จริงเพื่อป้องกันโรค ลดการนำเข้าของเชื้อก่อโรค ลดการแพร่กระจายเชื้อในประเทศ ป้องกันการเคลื่อนย้ายสัตว์น้ำที่ติดเชื้อโรค ข้ามพรมแดน มีระบบการเฝ้าระวังโรคที่กำหนดให้ตรวจเฝ้าระวังหาเชื้อโรค มีห้องปฏิบัติการอ้างอิงเพื่อการวินิจฉัยโรคที่เชื่อถือได้ มีการใช้ยาอย่างถูกต้องและสมเหตุผลโดยสัตวแพทย์ มีการแบ่งเขตทางภูมิศาสตร์เพื่อความคล่องตัวในการจัดการและมีการจัดทำระบบคอมพาร์ตเมนต์ มีการออกใบรับรองสุขภาพสัตว์สำหรับการเคลื่อนย้ายของสัตว์ทั้งภายในประเทศและการนำเข้า มีการรายงานการระบาดของโรค มีแผนการตอบสนองฉุกเฉินและแผนฉุกเฉิน มีข้อกำหนดการไม่อนุญาตให้พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำบางประเภท - ระดับฟาร์มหรือสถานที่เลี้ยง มีการนำความรู้เรื่องการจัดการโรคสัตว์ เชื้อโรคและสิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงไปใช้เพื่อ ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจเมื่อเกิดโรค ลดความสูญเสียในฟาร์ม สำหรับการจัดทำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพระดับฟาร์มต้องพิจารณากำหนดกลยุทธ์ แผนการหรือมาตรการที่แตกต่างกันในแต่ละฟาร์ม เนื่องจากต้องพิจารณาร่วมกับข้อมูลระบบการเลี้ยงที่แต่ละฟาร์มใช้และเชื้อก่อโรคประจำพื้นที่ โดยลักษณะทางพันธุกรรมของพ่อแม่พันธุ์และสถานะสุขภาพก็มีความสำคัญการเลี้ยงให้ประสบความสำเร็จด้วย เมื่อเกิดโรคขึ้นการตัดสินใจที่จะทำลายสัตว์ทิ้งหรือเลือกที่จะควบคุมโรคต้องอาศัยข้อมูลหลายอย่างประกอบการตัดสินใจ ต้องคำนึงถึงลกระทบทางเศรษฐกิจ ระดับความรุนแรงของโรค ระยะของการเลี้ยง ชนิดของเชื้อโรค โดยผู้เกี่ยวข้องทุกระดับทั้งระหว่างประเทศ ชาติ และฟาร์มเพาะเลี้ยงควรต้องมีส่วนร่วมกันทำงานและพิจารณาความเหมาะสมทั้งในแง่ของความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในการจัดทำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรค สัตวแพทย์หญิง ดร.มินตรา ลักขณา (หมอเม)
|