
แอบดูจีนเลี้ยงกุ้งกับโปรไบโอติก โปรไบโอติก คำนี้ได้ยินกันมาตลอด วนเวียนไปทุกวงการการเลี้ยงสัตว์ และยังเป็นที่คุ้นหูในการนำมาใช้ประโยชน์ในคนด้วย หลายๆ บทความก่อนหน้านี้ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวและคุณประโยชน์จากการนำโปรไบโอติกมาใช้งานในหลายๆ ด้าน ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีผลการทดลองและการศึกษาวิจัยประโยชน์ของโปรไบโอติกอยู่มากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีการวิจัยอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลา ในหลายๆ วงการ เช่นเดียวกับงานวิจัยในวงการการเลี้ยงกุ้งก็มีการศึกษาวิจัยในหลายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศจีนเองก็จัดว่าการเลี้ยงกุ้งเป็นหนึ่งในสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ดังนั้นจึงมีผลงานวิจัยดีๆ ออกมาให้ได้ตามอ่านกันอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ได้อ่านงานวิจัยของประเทศจีนเกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้งด้วยโปรไบโอติก ถึงจะเป็นงานที่เก่าแล้วแต่ก็มีความน่าสนใจ เลยขอนำมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติม เป็นงานที่ศึกษาและรายงานเกี่ยวกับผลการนำโปรไบโอติกมาใช้ผสมอาหารให้กุ้งกินว่าสามารถเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตของกุ้งได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2007 ผู้วิจัย Yan-Bo Wang ทดลองใช้แบคทีเรียสังเคราะห์แสงได้ ชื่อ Rhodobacter sphaeroides ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้จะสามารถเจริญเติบโตโดยการสังเคราะห์แสงที่มีสีแดง โดยไม่ใช้อากาศ และยังสามารถเจริญเติบโตโดยไม่ใช้แสงอาทิตย์ได้ด้วยในสภาวะที่มีอากาศ ร่วมกับแบคทีเรียกลุ่มบาซิลัส Bacillus coagulans ที่แยกได้จากปลาคาร์พ โดยนำน้ำหนักแห้งของเชื้อที่เท่าๆ กัน มาผสมในอาหารกุ้ง และทดลองให้กุ้งกินวันละ 3 เวลา คือ 6.00 น., 14.00 น. และ 20.00 น. โดยกุ้งที่ใช้ในการทดลองมีน้ำหนักเริ่มต้นเฉลี่ยเท่ากันที่ 0.66 กรัม ผู้วิจัยได้ทำการทดลองนำมาเลี้ยงกุ้งทั้งหมด 28 วัน หลังจากนั้นจึงนำมาศึกษาคุณภาพน้ำ และอัตราการเจริญเติบโต และพบว่าการใช้แบคทีเรียดังกล่าวในการเลี้ยงกุ้งแทบไม่มีผลกระทบหรือมีผลน้อยมากต่อคุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้ง โดยค่าแอมโมเนียม ไนไตรท์ และระดับ pH มีความคงที่อยู่ในระดับที่รับได้ตลอดระยะเวลาการทดลอง ในส่วนของน้ำหนักกุ้งนั้นพบว่ากุ้งที่เลี้ยงด้วยโปรไบโอติกมีน้ำหนักมากกว่ากุ้งที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมดาโดยเฉลี่ย 1.71 กรัม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่งผลให้ได้น้ำหนักเฉลี่ยของกุ้งที่เพิ่มขึ้นต่อวัน และน้ำหนักรวมที่เพิ่มขึ้น โดยการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักมีความสัมพันธ์กับกุ้งกลุ่มที่เลี้ยงด้วยโปรไบโอติกซึ่งมีค่าสูงกว่ากุ้งที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน หนึ่งในเหตุผลที่จะช่วยอธิบายกลไกการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวกุ้งได้ดี ก็คือการทำงานของระบบย่อยอาหาร ซึ่งในการทดลองนี้ผู้วิจัยได้ทำการตรวจวัดระดับการทำงานของเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารของกุ้งด้วย จากรายงานพบว่าเอนไซม์โปรติเอส ไลเปส อะไมเลส และเซลลูเลส ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการย่อยโปรตีน ไขมัน คารโบไฮเดรต และเซลลูโลส ในทางเดินอาหารของกุ้งที่เลี้ยงด้วยโปรโบโอติกมีปริมาณสูงกว่ากลุ่มควบคุมที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ จึงสามารถอนุมานได้ว่าระบบย่อยอาหารของกุ้งที่เลี้ยงด้วยโปรไบโอติก มีประสิทธิภาพในการย่อยอาหารมากกว่ากุ้งกลุ่มควบคุม ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กุ้งมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีกว่า สอดคล้องกับผลงานวิจัยการใช้โปรไบโอติกเลี้ยงกุ้งในประเทศอินเดีย ที่กุ้งที่เลี้ยงด้วยโปรไบโอติกมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีกว่ากุ้งที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมดา นอกจากนี้ผู้วิจัยยังให้คำแนะนำว่าควรใช้แบคทีเรียร่วมกันมากกว่าหนึ่งชนิดในการเลี้ยงกุ้ง เนื่องจากมีรายงานว่าการใช้แบคทีเรียร่วมกันจะสนับสนุนกันและให้ผลกระตุ้นการเจริญเติบโตของสัตว์ได้ดีกว่าการใช้แบคทีเรียเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง สำหรับปริมาณที่แนะนำจากการทดลอง คือ ผสมโปรไบโอติก 10 กรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม (น้ำหนักเปียก) ในการเลี้ยงกุ้งแต่ละครั้ง ซึ่งโปรไบโอติกเตรียมได้จากแบคทีเรียสังเคราะห์แสง 5 กรัมต่อกิโลกรัมผสมกับแบคทีเรียกลุ่มบาซิลัสเท่าๆ กันที่ 5 กรัมต่อกิโลกรัม โดยกุ้งระยะ larva และ early post-lava เป็นระยะที่เหมาะสมต่อการทำงานของโปรไบโอติกมากที่สุด เนื่องจากเป็นระยะที่ระบบทางเดินอาหารของกุ้งมีการตอบสนองค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตามปริมาณแนะนำที่ระบุไว้ในการทดลองอาจแตกต่างเมื่อนำมาใช้ในสภาพการเลี้ยงจริง เนื่องจากมีความแตกต่างกันที่ชนิดของแบคทีเรียโปรไบโอติกที่นำมาใช้ และระบบการเลี้ยง อาจไม่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกรูปแบบการเลี้ยงกุ้ง แต่งานชิ้นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่ช่วยยืนยันผลการทดลองเกี่ยวกับโปรไบโอติกที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้เลี้ยงกุ้งค่ะ ครั้งหน้าจะนำเรื่องอะไรมามาเล่าสู่กันฟังโปรดติดตามนะคะ สัตวแพทย์หญิง ดร.มินตรา ลักขณา (หมอเม) |