
อาหารในโลกอนาคต ชื่อบทความ อาหารในโลกอนาคต คำสำคัญ อาหารในโลกอนาคต เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาส ไปอ่านบทความเก่า แต่เนื้อหาทันสมัยอยู่อันนึงนะคะ เลยอยากจะมาแบ่งปัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “future of food” หรืออาหารแห่งอนาคต ในบทความเขียนเอาไว้อย่างน่าสนใจทีเดียวว่าอาหารในอนาคตที่เรากินมันน่าจะมีแนวโน้มเป็นหน้าตาแบบไหน เริ่มต้นกันที่เขาบอกว่า “อาหารในอนาคตจะถูกปรับแต่งให้เหมาะสมเข้ากับพันธุกรรมของผู้บริโภคแต่ละคน” โดยมีแนวคิดว่าต่อไปจะมีการตรวจสอบทางพันธุกรรมหรือ DNA ของคนกินเพื่อวิเคราะห์ว่าควรกินอะไรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จากนั้นจะเป็นการออกแบบอาหารที่กินเฉพาะสำหรับบุคคล และให้คำแนะนำการกินที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนทั้งชนิดอาหารและความถี่ที่แต่ละคนควรจะกิน ถือเป็นการดูแลโภชนาการรายคนกันเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า “อาหารจะถูกออกแบบให้มีคุณค่าทางโภชนาการในตัวเองเพิ่มมากขึ้น” แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง เหตุผลนึงที่ทำให้แนวคิดนี้เป็นไปได้คือเทคโนโลยีด้านการปรับปรุงพันธุกรรมที่พัฒนาขึ้นมาก คาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีพืชผลที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีการปรับแก้ไข DNA ที่แม่นยำมากขึ้นจะทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมพืชได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่อไปเราอาจสามารถหาซื้อถั่วลิสงที่กินแล้วไม่แพ้ ถั่วที่มีปริมาณโปรตีนสูงเทียบเท่ากับการกินเนื้อสัตว์ แครอทที่ให้ให้ร่างการดูดซึมแคลเซียมได้มากขึ้น ปลาที่มีโอเมก้าสามมากขึ้น เป็นต้น “อาหารจะมีรสชาติแตกต่างจากที่เคยกินมาก่อน” เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นใช่ไหมคะ เพราะมีเทคโนโลยีการผลิตอาหารใหม่ๆ มาให้เราได้ยินได้ฟังกันเรื่อยๆ มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทำให้เกิดรสชาติใหม่ที่ไม่เคยกินและคาดไม่ถึง ถ้าใครชอบอ่านเรื่องทำนองนี้น่าจะเคยผ่านตาว่าในช่วงแรกมีบริษัทสตารท์อัพที่สร้างเนื้อที่ทำมาจากพืช หรือที่เรียกว่าอาหารจาก plant-based protein นั่นแหละค่ะ ไม่ใช่เนื้อจริงๆออกมา แต่มีรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์และมีเลือดออกมาให้ดูเหมือนเนื้อจริงๆ ด้วย ซึ่งเทคโนโลยีการผลิตอาหารที่ทดแทนเนื้อสัตว์จะช่วยเรื่องความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตอนนี้ก็มีหลายบริษัทเข้ามามีส่วนแบ่งทางการตลาดและวิจัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในไทยเองก็มีบริษัทสารท์อัพทำเรื่องนี้เหมือนกันนะคะ ต่อไปในอนาคตเราอาจได้กินไข่ที่ไม่ได้มาจากสัตว์ นมที่ไม่มีนมก็เป็นได้ค่ะ อีกแนวคิดหนึ่งที่น่าจะถูกใจคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักคือ “อาหารที่กินได้อย่างสบายใจโดยไม่รู้สึกผิด” กินแล้วไม่ต้องเครียดว่าจะต้องไปวิ่งออกกำลังกายชดเชยแคลลอรี่ที่กินไปอีกกี่รอบสนามฟุตบอล อาหารในอนาคตจะถูกออกแบบให้มีแคลลอรี่ที่ต่ำลงโดยไม่ลดคุณค่าทางโภชนาการลง ทำให้คนกินได้โดยไม่รู้สึกผิด สุดท้ายคือแนวคิดว่าในอนาคต “อาหารมีความสร้างสรรค์มากขึ้น” เนื่องจากปัจจุบันอุปกรณ์ทำอาหารที่เคยมีราคาแพงหรือมีการใช้อยู่ในภัตตาคารมีราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายขึ้น หาซื้อง่าย ยกตัวอย่างปัจจุบันหมอทอดไร้น้ำมัน เครื่องซูวีร์ เครื่องทำไอศกรีม ทำให้คนทั่วไปสามารถสร้างสรรค์อาหารในบ้านได้มากขึ้น วิธีการทำอาหารรูปแบบใหม่ๆ ก็สามารถหาได้จากในอินเทอร์เนต ดูวิธีทำจากยูทูปได้สะดวกมากขึ้น ไม่ซับซ้อนเหมือนสมัยก่อน ในต่างประเทศร้านอาหารบางร้านปรุงอาหารโดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์มาช่วยมากขึ้น ซึ่งลดการใช้แรงงานลง ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานที่มีทักษะฝีมือเหมือนก่อนเนื่องจากหุ่นยนต์สามารถทำงานครัวบางอย่างได้แทนที่คนและยังควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยอาหารได้สะดวกมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในรยุคที่มีโรค COVID-19 ระบาดไปทั่วโลกการใช้หุ่นยนต์จะช่วยลดคนทำงานในครัวลงได้ ในฐานะที่ชาวฟาร์มเป็นต้นน้ำของการผลิตอาหารการติดตามความก้าวหน้าในเรื่องเทคโนโลยีอาหารที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตก็จะเป็นประโยชน์มากทีเดียวค่ะ เพื่อที่จะได้วิเคราะห์ความต้องการของตลาดผู้บริโภค ปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพในการผลิตรวมทั้งการปฏิบัติในฟาร์มของตัวเองต่อไปค่ะ ในความคิดของหมอแล้วอาหารในอนาคตจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่อาหารในรูปแบบที่เรากินอยู่ในปัจจุบัน ก็จะยังคงไม่หายไปไหน เพียงแต่อาจลดปริมาณลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก ที่มีผลทำให้พืชหรือสัตว์บางชนิดที่ไม่ได้ปรับปรุงพันธุ์ให้ทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อาจมีปริมาณผลผลิตลดลงก็เป็นได้ค่ะ สำหรับฉบับหน้าจะเล่าอะไรกันดี มาติดตามกันต่อนะคะ สัตวแพทย์หญิง ดร.มินตรา ลักขณา (หมอเม) |