พรชัย บัวประดิษฐ์ 2 ตลาด เป็นหัวใจสำคัญหลักที่เกษตรกรทุกคนต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าต้องหาตลาดที่จะมารองรับในการรับซื้อปลาจากเกษตรกรก่อนปล่อยลูกปลานิล คุณพรชัยจะคำนึงเรื่อง การจําหน่ายปลาก่อนเพราะปลานิลเป็นปลาที่ใช้เวลาเลี้ยงนานพอสมควรจึงต้องมองถึงช่วงระยะเวลาที่ตลาดมีความต้องการ การจําหน่ายปลานิลคุณพรชัยจะจําหน่ายปลานิลมีชีวิต (ปลาอ๊อก) มีคุณภาพ ไม่มีกลิ่นโคลน มีมาตรฐาน ทําให้ปลานิลมีราคาสูงเพราะฉะนั้นการเลี้ยงปลานิลของคุรพรชัยจึงสามารถจําหน่ายปลานิลได้ราคาเป็นที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะจําหน่ายให้กับแม่ค้าคนกลางหรือแพปลาที่อยู่ในเขตพื้นที่อําเภอพานทอง และในจังหวัดฉะเชิงเทราหรือจะจําหน่ายให้บริษัทห้องเย็นต่างๆ เพื่อจะส่งออกต่างประเทศ
การจัดการ การให้อาหาร การจัดการในบ่อเลี้ยง แหล่งน้ำ การทําการเกษตรและการเลี้ยงปลาในเขตอําเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี จะใช้น้ำจากคลองธรรมชาติ ซึ่งมาจากเขื่อนสียัดและเขื่อนทดน้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเขื่อนจะปล่อยน้ำลงมาในคลองชลประทานจนถึงใน เขตพื้นที่อําเภอพานทอง ตําบลเกาะลอย และตําบลบางหัก คุณภาพน้ำส่วนใหญ่มีคุณภาพน้ำที่ดี มีน้ำเพียงพอแต่ ไม่มีตลอด ช่วงที่พบว่าขาดแคลนน้ำจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเมษายนของทุกปีและมีบางช่วงประสบปัญหาน้ำเน่าเสีย เนื่องจากผักตบชวาและผักบุ้งที่ลอยในแม่น้ำและคลองชลประทานเน่าเสีย วิธีการใช้น้ำสําหรับการเลี้ยงปลานิลของคุณพรชัย คือเมื่อเตรียมบ่อเรียบร้อยแล้วจะสูบน้ำจากคลองเข้าสูบ่อปลาโดยตรง โดยใช้วิธีการกรองน้ำผ่านผ้ามุ้งเขียวไนล่อนและไม่มีบ่อที่ใช้สําหรับพักน้ำโดยตรงแต่จะมีบ่อจํานวนหลายบ่อซึ่งสามารถหมุนเวียนการใช้น้ำได้และก่อนที่จะสูบน้ำเข้าบ่อจะดูสีน้ำและสังเกตว่ามีปลาตายในคลองหรือบริเวณรอบๆบ่อเลี้ยงปลาหรือไม่ถ้าไม่มีก็จะสูบน้ำเข้าบ่อแต่ถ้าพบว่ามีการตายของปลาก็จะไม่มีการสูบน้ำจากคลองเข้าสู่บ่อเลี้ยง ในระหว่างการเลี้ยงจะไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ แต่จะใช้การเติมน้ำและมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ เช่น ค่า พีเอช อัลคาไลน์และสังเกตสี น้ำและเมื่อมีการจับปลาก็จะสูบน้ำเติมบ่ออื่นๆแทนการปล่อยน้ำทิ้งออกนอกฟาร์ม
การคัดขนาดปลาและการขยายปลา หลังจากอนุบาลลูกปลาได้ระยะเวลาประมาณ ๒-๓ เดือน ทําการคัดขนาดลูกปลาและย้ายลูกปลาที่มีขนาด ๑๐-๑๕ ตัวต่อ/กิโลกรัม ไปเลี้ยงในบ่อใหม่โดยปล่อยลูกปลาลงเลี้ยงในอัตราการปล่อย ๒,๐๐๐ ตัว/ไร่ แล้วเลี้ยงต่ออีกประมาณ ๕-๗ เดือน จะได้ปลานิลขนาด ๔๐๐-๘๐๐ กรัม/ตัว ในราคาจําหน่ายที่ ๓๕-๕๐ บาท/กิโลกรัม โดยใช้ระยะการเลี้ยงรวมทั้งสิ้นประมาน ๖-๙ เดือน
การจัดการน้ำ ในการเลี้ยงปลาแต่ละรุ่น คุณพรชัยมีวิธีบริหารจัดการน้ำคือการหมุนเวียนน้ำภายในฟาร์ม โดยระหว่างการเลี้ยงจะมีการเติมน้ำหมุนเวียนกันในฟาร์ม ๑๐-๒๐ เปอร์เซ็นต์ เดือนละ ๑-๒ ครั้ง คุณพรชัยให้ความสําคัญกับสีน้ำมากเป็นพิเศษ สีน้ำ ที่คุณพรชัยคิดว่าเลี้ยงปลาแล้วมีปัญหาน้อยมากคือสีเขียวการตรวจวัดคุณภาพน้ำ คุณพรชัยจะทําสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ค่าที่วัดได้แก่ พีเอช อัลคาไลน์ และการสังเกตสีน้ำและเมื่อมีการจับปลาในฟาร์มการจับต้องสูบน้ำ ออกหมดบ่อคุณพรชัยจะสูบน้ำในบ่อที่จับปลาไปใส่ไว้ในบ่อเลี้ยงปลาบ่ออื่นๆ ยกเว้นน้ำก่อนบ่อที่ต้องสูบไปใส่ในบ่อ ปลาที่จะจับได้ในคราวต่อไปโดยไม่มีการสูบน้ำทิ้งออกนอกฟาร์มเพื่อที่จะได้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี
การให้อาหารลูกปลา อาหารที่คุณพรชัยใช้เลี้ยงลูกปลาส่วนใหญ่เป็นรําละเอียด รําสกัด และอาหารเม็ดชนิดลอยน้ำ การใช้รําละเอียดหรือรําสกัดในการเลี้ยงลูกปลานั้น รําละเอียดและรําสกัดมีโปรตีนประมาณ ๑๕ เปอร์เซ็นต์สามารถนํามาใช้ในการเลี้ยงปลานิลได้และจะทําให้สีน้ำเขียวเป็นอาหารธรรมชาติได้อีกทางหนึ่งด้วยจากการใช้รํา ละเอียด และรําสกัดในการอนุบาลลูกปลานิลเป็นที่ยอมรับกันมากในกลุ่มนี้ว่าปลาที่เลี้ยงโตดีในระดับหนึ่ง สําหรับลูกปลานิลมีอายุ ๑ เดือนขึ้นไป จะใช้อาหารเม็ดนํามาให้ลูกปลานิลกิน โดยการให้อาหารนั้นต้องนําอาหารใส่สวิงตาถี่แล้วแขวนให้สวิงแช่น้ำนิดหน่อยทําอย่างนี้เป็นประจําปลานิลก็จะคุ้นเคยวางสวิงไว้มุมบ่อเพื่อที่เราจะสามารถมองเห็นขนาดปลาในบ่อได้อย่างชัดเจน ได้เห็นว่ามีอาหารเหลือหรือไม่การให้อาหารก็จะทําได้ง่ายและต้องมีการควบคุมการให้อาหารโดยไม่ให้มากเกินไปเพราะอาจทําให้น้ำเน่าเสีย และลูกปลาอาจตายได้เวลาปลามีปัญหาการตายควรหยุดให้อาหารแล้วดูอาการว่าปลามีสาเหตุการตายมาจากอะไร แก้ไขให้ถูกจุด ในระยะ ๒-๓ ปีที่ผ่านมาในช่วงฤดูร้อนจนถึงต้นฤดูฝนของทุกปีจะมีการระบาดของเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus ระบาดหนักมากในบ่อเลี้ยงปลาทําให้คุณพรชัยและสมาชิกภายในกลุ่มเจอปัญหาปลาตายจํานวนมากจนบางครั้งทําให้ขาดทุนหรือต้องจับปลาก่อนกําหนดจึงทําให้ขายไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ คุณพรชัย จึงแก้ไขปัญหาโดยหยุดให้อาหาร การใส่จุลินทรีย์ในบ่อเลี้ยงปลานิล ๗-๑๐ วันต่อครั้ง ติดเครื่องให้อากาศทุกเช้า กลางวันเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ และสังเกตอาการผิดปกติของปลาภายนอกมีการตรวจปรสิต หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะก็ต้องใช้ให้ถูกกับอาการของปลาเพราะสาเหตุการตายของปลาไม่ได้มีเพียงโรคเท่านั้น ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้ปลาตายได้อีก เช่น สภาพน้ำ สภาพภูมิอากาศปริสิต การจัดการ เป็นต้น |