อย่างที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้นในบทความก่อนหน้านี้การตรวจวัดค่าคุณภาพน้ำสามารถทำได้โดยตรงในแหล่งน้ำนั้นเลยถ้าสามารถเข้าถึงแหล่งน้ำได้ เช่นมีตลิ่งริมขอบบ่อหรือมีเรือทำให้เราสามารถเอื้อมมือถึงแหล่งน้ำและใช้อุปกรณ์พกพาวัดค่าจากแหล่งน้ำได้ ทั้งนี้ในการเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจจะต้องทราบค่าคุณภาพน้ำที่ต้องการตรวจและวิธีที่ต้องการใช้โดยทั่วไปจะพบว่ามักมีการตรวจวัดค่าคุณภาพน้ำเบื้องต้นโดยใช้ชุดทดสอบ เช่น ค่าความเป็นกรดด่าง ค่าความเป็นด่างหรือ Alkalinity ค่าแอมโมเนีย ไนไตรท์ สามารถเก็บน้ำมาและทำการทดสอบบนบกข้างแหล่งน้ำได้เลยและควรจะทดสอบหรือตรวจวัดค่าต่างๆ ทันทีหลังจากเก็บตัวอย่างน้ำ แต่ถ้าไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำได้สะดวกอาจต้องใช้วิธีเก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจหรือถ้าต้องการทราบค่าละเอียดที่จำเป็นต้องใช้เทคนิคการตรวจขั้นสูงก็จำเป็นต้องเก็บตัวอย่างน้ำส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
สำหรับวิธีการเก็บตัวอย่างน้ำมาวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ควรเตรียมขวดสะอาดและทึบแสงที่มีความจุอย่างน้อย 300 – 500 ซีซี สำหรับเก็บตัวอย่างน้ำ ก่อนนำขวดมาใช้เก็บตัวอย่างต้องนำตัวอย่างน้ำที่ต้องการทดสอบมากลั้วเพื่อล้างขวดเก็บตัวอย่างและฝาก่อนสักสองสามครั้ง จากนั้นคว่ำขวดเก็บตัวอย่างลงในแหล่งน้ำที่ต้องการเก็บให้จมอยู่ใต้ผิวหน้าน้ำแล้วค่อยหงายขวดขึ้น เพื่อให้น้ำไหลเข้าไปในขวดจนเต็มเมื่อน้ำไหลเข้าเต็มขวดและไม่มีอากาศอยู่แล้วจึงค่อยปิดฝาขวดให้แน่นในตอนที่ขวดทั้งขวดถูกแช่อยู่ในน้ำ ต้องระบุหมายเลขหรือติดป้ายรายละเอียดให้รู้ข้อมูลตัวอย่างน้ำที่เก็บ เช่น วัน เดือน ปี เวลาที่เก็บตัวอย่าง สถานที่วัตถุประสงค์การใช้แหล่งน้ำ/บ่อน้ำ สี กลิ่นของน้ำ ความขุ่น ขนาดบ่อ ชนิดสัตว์น้ำที่เลี้ยง ความหนาแน่น ประวัติการใช้งานบ่อน้ำเพื่อประโยชน์ในการตรวจวิเคราะห์ต่อไป
เมื่อเก็บตัวอย่างน้ำและรายละเอียดเรียบร้อยแล้วให้รีบนำไปตรวจในกรณีที่ไม่สามารถส่งตรวจได้ภายใน 30 นาที ควรจะแช่ขวดตัวอย่างในลังน้ำแข็งและอาจใช้เทปพันรอบฝาขวดเพื่อป้องกันการรั่วซึมออกมาของน้ำตัวอย่างและลดการปนเปื้อนของน้ำตัวอย่างกับน้ำแข็งที่ละลายขณะขนส่งซึ่งการเก็บและรักษาตัวอย่างน้ำที่ถูกต้องจนถึงห้องปฏิบัติการนั้นมีผลต่อประสิทธิภาพการวิเคราะห์ค่าคุณภาพน้ำต่อไป
สัตวแพทย์หญิง ดร.มินตรา ลักขณา (หมอเม)
อ.น.สพ.ดร. ภัทรพล เปี่ยมสมบูรณ์ (หมอเอก)
Mintra Lukkana, DVM, MSc, PhD
Pathradol Piamsomboon , DVM , PhD